ปรัชญาการใช้ชีวิต

มีสติในการใช้ชีวิต คิดสักนิดก่อนก้าวย่าง


ชีวิตยังไม่สิ้น ต้องดิ้นจนตาย

 
""รักอยู่ที่ใจ""

พบความทุกข์ พบความสุข ทุกสิ่งนัั้น
เจอทุกวัน มันคือรัก มักพบเห็น
อยากจะได้ อยากจะมี อยากจะเป็น
สุขทุกข์เข็น เป็นเพราะใจ ใช่ใครทำ

""โลภไว้ดี""
ทำเยอะเยอะ ทำเทอะเนอะ ให้เยอะไว้
เอาแบบให้ ไม่มีอด หมดชาตินี้
ของบางสิ่ง ยิ่งโลภมาก ลาภยิ่งมี
คุณความดี สิ่งนี้ไง ทำไปเลย

""เลียนเยี่ยงหมา(โกรธ)""
เกลียดจิงโว้ย โอ้ยรำคาญ ต้องตามล่า
เห้ยไอ้บ้า มามองหน้า เหมื่อนหาเรื่อง
ทำเป็นขู่ หูตั้งเด่ เฮ่!แสนเคือง
ขออุ่นเครื่อง เปลื่องโซ่ก่อน เดี๋ยวสอนมวย

""หลงผิดทาง""
หลงมัวเมา เคล้าโลกี มีทุกแหล่ง
ทุกหนแห่ง แข่งประชัน แย่กันเหลือ
ทะเลทุกข์ สุดเวียนวน บนทางเรือ
พายจนเบื่อ เมื่องหลงติด พลาดผิดทาง
                                                                     เครดิต : http://poem.mthai.com/view/8044



  . . .ถ้าเรามาดูในตัวเราเอง ร่างกายของเรา เรามีแขน มีขา มีหัว มีลำตัว มีอวัยวะต่างๆ ทั้งภายนอก ภายใน ถ้าส่วนใดไม่สอดคล้องกันเราก็บอกว่าไม่สบาย ป่วย แล้วคนเราที่จะมีความสบายจริงๆ ก็หาเวลาน้อย ต้องนึกถึงว่าทุกส่วนของร่างกายของเรา จะต้องทำงานให้พร้อมกัน ให้มีความสามัคคีกัน ถ้าไม่มีความสามัคคีกัน ร่างกายของเราต่างคนต่างทำ หรือต่างส่วนต่างทำงานของตัว ก็ไม่สามารถที่จะทำงานได้ ถ้าดูเฉพาะกาย แต่ว่าอีกส่วนก็มีใจ คือจิตใจของเรา ซึ่งจะต้องทำงานเหมือนกัน เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับร่างกาย. . .
พระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้า ฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย
วันพฤหัสบดีที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๒๓


  . . .ความรู้นั้นแบ่งเป็น ๒ อย่าง ความรู้เกี่ยวข้องกับกาย และความรู้ที่เกี่ยวข้องกับใจ ความรู้เกี่ยวข้องกับกายที่ได้ฝึก และที่ได้มาเรียนรู้ก็คือ วิธีที่จะรักษาตัวให้แข็งแรง รักษาสิ่งของของตัวให้อยู่ ให้ดี และสร้างสรรค์ให้สิ่งที่ใช้หรือสิ่งที่มีให้อยู่ดี และให้ดีขึ้น และทางจิตใจทุกคนมีความปรารถนาที่จะมีความสุข ต้องการมีความสงบ ต้องการมีความรู้ ความสามารถ ก็ได้ฝึกได้เรียนรู้ จากการพบปะกันในหมู่ลูกเสือชาวบ้าน และได้รับความรู้จากวิทยากร ความรู้ทั้งหลายทั้งกายทั้งใจนี้ ก็เกิดประโยชน์แก่ตัว. . .
พระราชดำรัส
พระราชทานในพิธีพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดสระบุรี ณ วัดหนองเขื่อนช้าง อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี
วันศุกร์ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๙


  . . .กายที่มีสุขภาพดีก็หมายความว่ากายที่แข็งแรง ที่เดินได้ ยืนได้ นั่งได้ มีกำลัง มีทุกอย่าง รวมทั้งมีความคิดที่ดี ถ้ามีสุขภาพจิตที่ดีก็มีกำลังเป็นกำลัง ที่จะแผ่ความเมตตาให้แก่คนอื่น มีกำลังที่จะคิดในสิ่งที่ถูกต้อง ที่จะทำให้มีความ เจริญรุ่งเรืองแก่ตัวและความเจริญรุ่งเรืองในสังคม. . .
พระราชดำรัส
ในโอกาสที่คณะจิตแพทย์ นักวิชาการสุขภาพจิต อาจารย์จากมหาวิทยาลัย และผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
วันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐


. . .ชีวิตของแต่ละคนจะต้องประกอบด้วยสิ่งใดสำหรับให้มีชีวิตอยู่ได้ ถ้าเราคิดสักหน่อยว่าเรามีร่างกายที่จะต้องอุ้มชูตนเอง คือหมายความว่าทุกวันนี้เราจะต้องหาอาหารมาเลี้ยง ถ้าไม่มีอาหารเลี้ยงร่างกายนี้เป็นเวลาหนึ่ง ก็ทำให้ ร่างกายซูบผอมและอ่อนเพลียลงไป ไม่มีทางที่จะทำงานทำการใดๆ หรือแม้จะทำงานที่ไม่ใช่เป็นงานคือเล่นสนุกอะไรก็ตาม ก็ไม่ได้ทั้งนั้น คิดอะไรก็ไม่ออก ดำเนินชีวิตไม่ได้ ถ้าไม่มีอาหาร ถ้ามองดูในแง่นี้เพียงอาหารที่มาใส่ท้อง ก็เป็น กิจการที่กว้างขวางอย่างมากมาย ทีนี้พูดกันว่าคนเราต้องทำมาหากิน ดูเป็นของ ที่สำคัญที่สุด เพราะว่าถ้าไม่ทำมาหากินก็ไม่มีชีวิตอยู่ได้ หรือมีชีวิตก็แร้นแค้น และทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารใจอีก ถ้าคนเราไม่มีอาหารใจไม่ขวนขวายหาความรู้ จะไม่สบายใจ และจะไม่เป็นคนที่เจริญ ฉะนั้น ทุกคนที่ ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ และมีชีวิตอยู่อย่างดี ก็ต้องอุ้มชูให้อาหารแก่ตาและหาทาง ที่จะมีอาหารของใจด้วย. . .
พระราชดำรัส
พระราชทานเนื่องในการฉลองครบรอบ ๕๐ ปี ของสโมสรโรตารี่ในประเทศไทย ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร
วันจันทร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๒๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น